ReadyPlanet.com


ค่าเงินบาทวันนี้ 11 เม.ย. 66 เปิดที่ระดับ 34.36 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงเล็กน้อย


   ค่าเงินบาทวันนี้ 11 เม.ย. 66 เปิดที่ระดับ 34.36 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงเล็กน้อย

 

ค่าเงินบาทไทยวันนี้ 11 เม.ย. 66 เปิดที่ระดับ 34.36 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงเล็กน้อย จากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 34.32 บาทต่อดอลลาร์ มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.25-34.45 บาทต่อดอลลาร์

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักวิเคราะห์ประจำห้องค้าเงินธนาคารกรุงไทย ระบุ ค่าเงินบาทไทยวันนี้ 11 เม.ย. 66 เปิดที่ระดับ 34.36 บาทต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงเล็กน้อย จากระดับปิดวันก่อนหน้าที่ระดับ 34.32 บาทต่อดอลลาร์ แนวโน้มค่าเงินบาท ในช่วงคืนที่ผ่านมา เงินบาทมีจังหวะเคลื่อนไหวอ่อนค่าลงทดสอบโซนแนวต้านที่ประเมินไว้ก่อนหน้าแถว 34.40 บาทต่อดอลลาร์ ตามการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์และโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว ซึ่งมองว่า ทิศทางของทั้งเงินดอลลาร์และราคาทองคำจะยังเป็นปัจจัยสำคัญต่อแนวโน้มค่าเงินบาทในช่วงนี้

โดยประเมินว่า ในระหว่างวันนี้ ค่าเงินบาทอาจเคลื่อนไหวอ่อนค่าลงได้บ้างและมีโอกาสทดสอบโซนแนวต้าน 34.40-34.50 บาทต่อดอลลาร์ ตามโฟลว์ธุรกรรมซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ก็มีโอกาสแข็งค่าขึ้นได้บ้าง หากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจฝั่งยุโรปในวันนี้ออกมาแย่กว่าคาด กดดันให้เงินยูโร (EUR) อ่อนค่าลง อย่างไรก็ดีประเมินว่า การอ่อนค่าของเงินบาทอาจไม่รุนแรงมากนัก เนื่องจากผู้เล่นในตลาดส่วนใหญ่ต่างรอจับตารายงานข้อมูลอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ในวันพุธนี้ ทำให้ผู้เล่นในตลาดอาจยังไม่เร่งรีบปรับสถานะถือครอง นอกจากนี้เริ่มเห็นสัญญาณการกลับเข้ามาซื้อสุทธิหุ้นไทยของนักลงทุนต่างชาติมากขึ้น ซึ่งฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติก็อาจช่วยชะลอแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าต่อเงินบาทได้เช่นกัน

ทั้งนี้ในเชิงเทคนิคัล คงมุมมองเดิม (ตามบทวิเคราะห์แนวโน้มค่าเงินบาทในวันที่ 3 เมษายน) ว่า เงินบาทในช่วงเดือนเมษายนมีโอกาสแกว่งตัว sideways up หรือทยอยอ่อนค่าลงได้บ้าง โดยล่าสุดเงินบาทได้ปรับตัวขึ้นทะลุโซนแนวต้าน เส้นค่าเฉลี่ย EMA 50 วัน (รวมถึงทะลุกรอบเทรนด์ขาลงที่เริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคม) อีกทั้งสัญญาณจาก RSI และ MACD ก็สะท้อนแนวโน้มว่าเงินบาทมีโอกาสแกว่งตัวอ่อนค่าลงได้ อย่างไรก็ตาม ควรระวังความผันผวนของตลาดการเงินในช่วงผู้เล่นในตลาดทยอยรับรู้รายงานอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ที่จะเกิดขึ้นในช่วงโฟลว์ธุรกรรมในตลาดการเงินไทยเบาบางช่วงก่อนวันหยุดยาว

ในช่วงนี้ คงมองว่า ความผันผวนของตลาดการเงินยังอยู่ในระดับสูงทำให้มองว่า ผู้ประกอบการควรใช้เครื่องมือทางการเงินที่หลากหลาย อาทิ Option เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน มองกรอบเงินบาทวันนี้ คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 34.25-34.45 บาทต่อดอลลาร์

 

 

 

 

ในขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เคลื่อนไหวผันผวน โดยดัชนี S&P500 ปิดตลาด +0.10% กดดันโดยแรงขายหุ้นเทคฯ ใหญ่ (Alphabet -1.8%, Apple -1.6%) ท่ามกลางความกังวลของผู้เล่นในตลาดว่า เฟดมีโอกาสเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ +0.25% อีกครั้ง (ตลาดให้โอกาส 72% จาก CME FedWatch Tool) หลังข้อมูลการจ้างงานล่าสุดยังคงออกมาดีกว่าคาด ทว่าแนวโน้มการเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยดังกล่าวของเฟดก็อาจเพิ่มความเสี่ยงเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวลงหนักและเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ได้ ทำให้ผู้เล่นในตลาดยังไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยงมากนักและต่างรอจับตารายงานข้อมูลอัตราเงินเฟ้อ CPI ที่จะรายงานในวันพุธนี้ รวมถึงรายงานผลประกอบการของบรรดาบริษัทจดทะเบียนในไตรมาสแรกของปีนี้ โดยเฉพาะกลุ่มการเงินในช่วงวันศุกร์ ก่อนที่จะปรับสถานะถือครองที่ชัดเจนต่อไป

ส่วนทางด้านตลาดบอนด์ มุมมองของผู้เล่นในตลาดที่ปรับเพิ่มโอกาสการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดในเดือนพฤษภาคม หลังยอดการจ้างงานนอกภาคเกษตรกรรม (Nonfarm Payrolls) ล่าสุด ออกมาดีกว่าคาด ได้หนุนให้บอนด์ยีลด์สหรัฐฯ อย่าง บอนด์ยีลด์ 10 ปี ได้ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง สู่ระดับ 3.41% ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นโซนแนวต้านที่สำคัญและหากบอนด์ยีลด์เริ่มกลับมาปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องได้ ก็มีโอกาสที่จะทดสอบโซนแนวต้านถัดไปแถว 3.60% ได้ ทำให้คงมุมมองเดิมว่า นักลงทุนควรรอจังหวะในการทยอยเข้าซื้อบอนด์ โดยเฉพาะบอนด์ระยะยาวในจังหวะที่บอนด์ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งอาจรอซื้อในช่วงการประชุมเฟดเดือนพฤษภาคมที่เฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งสุดท้ายในการประชุมดังกล่าวได้

ในฝั่งตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์ปรับตัวแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก หลังผู้เล่นในตลาดกลับมามองว่าเฟดมีโอกาสเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อ นอกจากนี้ เงินดอลลาร์ยังพอได้แรงหนุนจากความต้องการสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ทำให้ล่าสุดดัชนีเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับ 102.5 จุด ทั้งนี้ โซน 102.5-103 จุด ก็เป็นโซนแนวต้านสำคัญของเงินดอลลาร์ในช่วงนี้ ทำให้เงินดอลลาร์อาจเคลื่อนไหว sideways ในช่วงก่อนที่ตลาดจะรับรู้รายงานข้อมูลอัตราเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ ส่วนในฝั่งราคาทองคำ แม้ผู้เล่นในตลาดจะไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยงมาก แต่การปรับตัวขึ้นของทั้งเงินดอลลาร์และบอนด์ยีลด์ 10 ปี สหรัฐฯ ได้กดดันให้ ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน มิ.ย.) ย่อตัวลงใกล้โซนแนวรับแถว 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ดี ราคาทองคำยังพอได้แรงหนุนจากความต้องการถือทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย จากความกังวลแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ เสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอยที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ราคาทองคำยังสามารถแกว่งตัวเหนือโซนแนวรับได้จากโฟลว์ซื้อทองคำในจังหวะย่อตัว ซึ่งมองว่าโฟลว์ธุรกรรมดังกล่าวก็มีส่วนกดดันให้เงินบาทอ่อนค่าลงได้

สำหรับวันนี้ ความสนใจของผู้เล่นในตลาดอาจอยู่ที่รายงานข้อมูลเศรษฐกิจฝั่งยุโรป ทั้ง ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน (Sentix Investor Confidence) และรายงานยอดค้าปลีก (Retail Sales) ของยูโรโซน โดยตลาดประเมินว่า บรรดานักลงทุนและนักวิเคราะห์อาจเริ่มคลายกังวลปัญหาระบบธนาคารยุโรปและเริ่มปรับลดมุมมองเชิงลบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจยูโรโซนในอีก 6 เดือนข้างหน้า ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนอาจปรับตัวขึ้นสู่ระดับ -10 จุด (ดัชนีต่ำกว่า 0 หมายถึง มุมมองเชิงลบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ) อย่างไรก็ดี ยอดค้าปลีกเดือนกุมภาพันธ์ อาจพลิกกลับมาหดตัว -0.8%m/m (หรือคิดเป็น -3.5%y/y) ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อสูงและต้นทุนการเงินที่สูงขึ้นตามการขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องของธนาคารกลางยุโรป (ECB)

ส่วนในฝั่งไทย คาดว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวดีขึ้น ซึ่งได้แรงหนุนจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติและการจ้างงานที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในส่วนภาคการบริการ จะช่วยหนุนให้ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (Consumer Confidence) เดือนมีนาคม ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 53 จุด อย่างไรก็ดี ปัจจัยกดดันความเชื่อมั่นผู้บริโภคอาจยังคงเป็นภาวะเงินเฟ้อสูง

อ้างอิงข่าวเศรษฐกิจ



ผู้ตั้งกระทู้ sd :: วันที่ลงประกาศ 2023-04-11 22:58:51


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล