ReadyPlanet.com


ขี้เกียจไม่ไหว แก้ความขี้เกียจฉบับเร่งด่วนด้วย 6 เทคนิคจิตวิทยา


 หากคุณกำลังรู้สึกว่าตัวเองเริ่มมีความขี้เกียจจนไม่อยากทำอะไร หมดแรง หมดใจ หมดไฟในการจะทำงาน มามุงกันทางนี้ค่ะ เพราะในบทความจิตวิทยานี้มีเทคนิคการแก้ความขี้เกียจแบบเร่งด่วนมาฝากกัน โดยก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับ “ความขี้เกียจ” กันก่อนนะคะ ซึ่งในทางจิตวิทยาเรียกความขี้เกียจ ว่า “ภาวะแรงจูงใจต่ำ” หรือ Low Motivation นั่นก็คือภาวะที่เราเกิดความรู้สึกว่าไม่อยากทำอะไร นอกจากนอนอืด ๆ อยู่บนเตียง หรือพอถึงวันทำงานก็เกิดอาการอยากลาป่วย มาสาย หายบ่อย แต่พอวันหยุดอาการนี้ก็หายไปเสียอย่างนั้น ซึ่งผู้เชี่ยวชาญทางจิตวิทยาได้อธิบายสาเหตุของความขี้เกียจไว้ว่า เกิดจากการขาดแรงผลักดันในการทำสิ่งต่าง ๆ ค่ะ หรือกล่าวอีกอย่างได้ว่า หมด Passion ในการทำงาน หรือทำสิ่งต่าง ๆ นั่นเอง ทั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญทางจิตวิทยาจึงได้แนะนำ 6 เทคนิคในการแก้ความขี้เกียจไว้ ดังนี้ค่ะ


1. ตั้งเป้าหมายก่อนลงมือทำ
การตั้งเป้าหมาย หรือ goal setting ก็คือ การกำหนดว่าเราทำสิ่งนี้เพื่ออะไร เมื่อเรากำหนดเป้าหมายแล้ว เราก็จะได้แนวทางการลงมือทำ เห็นทิศทางของสิ่งที่ทำว่าจะออกมาในรูปแบบไหน แล้วเราก็สามารถวางแผนการทำงานได้ เมื่อมีความชัดเจนทั้งในเรื่องของเป้าหมายการลงมือทำ และแผนการที่จะทำสิ่งนั้นให้สำเร็จ เราก็สามารถแก้ความขี้เกียจไปได้ค่ะ เพราะเราจะเกิดแรงจูงใจในการลงมือทำตามแผน อย่างไรก็ตามเป้าหมายที่ตั้งขึ้นมานั้นต้องเป็นเป้าหมายที่เราต้องการจะทำให้สำเร็จจริง ๆ มีความเป็นไปได้ เห็นเป็นรูปธรรม เพราะเป้าหมายจะมีผลต่อความเชื่อว่าตนเองมีความสามารถที่จะทำให้สำเร็จได้ (Adequate Self – Efficacy) นั่นเองค่ะ

2. ทำให้เป็นเรื่องสนุก
การทำให้ภารกิจ หรือสิ่งที่เราต้องลงมือทำให้เป็นเรื่องสนุกนั้น จะช่วยให้เราเกิดแรงจูงใจภายใน (intrinsic motives) คือ แรงจูงใจที่มาจากความคิด ความรู้สึกของเราเอง โดยการเปลี่ยนกระบวนการที่น่าเบื่อให้เป็นเกม เช่น จากทำงานอยู่คนเดียว ก็ลองเปลี่ยนมาทำ Focus Group หรือแข่งกันเสนอไอเดียแหวก ๆ เพื่อให้ได้รูปแบบการทำงานใหม่ ๆ ที่น่าสนใจ หรือเปลี่ยนวิธีการทำงานบ้านให้น่าสนุก โดยการใช้เครื่องมือที่เราคิดไม่ถึงมาช่วย เช่น ใช้สว่านเสียบหัวขัดมาขัดห้องน้ำ หรือหาไอเดียแต่งบ้านที่น่าสนใจมาลองทำดู วิธีการเหล่านี้จะช่วยให้เราแก้ความขี้เกียจได้จากการเปลี่ยนความรู้สึกเบื่อ ไม่อยากทำงาน ไม่อยากทำความสะอาดบ้าน ให้เป็นความรู้สึกว่าสิ่งที่เราทำอยู่เป็นสิ่งที่ดี เป็นเรื่องน่าสนุก น่าสนใจ มีความท้าทาย

3. มองเห็นสิ่งที่เราจะได้รับจากการทำสิ่งนั้น
พูดแบบตรงไปตรงมา ก็คือ การมองเห็นผลประโยชน์ที่เราจะได้รับจากการทำสิ่งนั้นนั่นเองค่ะ โดยการมองเห็นว่าเราจะได้อะไรกลับมานั้น ถือว่าเป็นการสร้างแรงจูงใจภายนอก (extrinsic motives) ซึ่งก็คือสิ่งกระตุ้นให้เราเกิด “ความอยาก” ที่จะลงมือทำ เพื่อให้สำเร็จตามที่เราต้องการ ซึ่งแรงจูงใจภายนอกที่ว่านั้นอาจจะเป็นรางวัล ชื่อเสียง การได้รับการยอมรับ ได้ยอดไลก์ ยอดวิว หรือได้ทำประโยชน์เพื่อคนอื่น ก็ได้เช่นกันค่ะ โดยสิ่งเหล่านี้จะทำให้เราเกิด Passion ในการลงมือทำสิ่งใด ๆ ก็ตามให้สำเร็จ เพราะเรามองเห็นจุดหมายปลายทางแล้วว่า ถ้าเราทำสำเร็จเราจะได้รับอะไรกลับมา

4. หาเพื่อนร่วมด้วยช่วยลงมือทำ
ถ้าลงมือทำคนเดียวแล้วไปไม่ไหว ขี้เกียจเสียก่อนที่จะทำสำเร็จ โดยเฉพาะกิจกรรมท้าทายแรงใจ เช่น การลดน้ำหนัก การออกกำลังกาย การอ่านหนังสือสอบ ลองมาแก้ความขี้เกียจเหล่านั้นด้วยการหาเพื่อนร่วมด้วยช่วยทำกันดูนะคะ ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ พี่ น้อง คนรัก เพื่อนสนิท เพื่อนร่วมงาน หรือสัตว์เลี้ยงของเรา ลองชวนมาเป็นแก๊งพิชิตภารกิจของเรากันดูค่ะ เพราะเมื่อเรามีเพื่อนร่วมทำกิจกรรมแล้วเราจะเกิดแรงจูงใจทางด้านสังคม (social motivation) ทำให้เรามีแรงฮึด มีแรงเสริม มีคนคอยกระตุ้นให้เราไปต่อ จนเกิดแรงใจที่จะสู้กับอุปสรรค ซึ่งอุปสรรคหลักก็คือ ความขี้เกียจของเรา จนสามารถลงมือทำในสิ่งที่ตั้งใจไว้ให้สำเร็จตามเป้าหมาย

5. ให้รางวัลกับตัวเองเมื่อทำได้ตามเป้าหมาย
เมื่อเราสามารถเอาชนะความขี้เกียจ ลงมือทำภารกิจของเราจนสำเร็จแล้ว ก็อย่าลืมให้รางวัลกับตัวเองด้วยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นไปเที่ยวในสถานที่แจ่ม ๆ ไปทานอาหารอร่อย ๆ ในร้านชิค ๆ ซื้อเสื้อผ้าสวย ๆ ซื้อกระเป๋า หรือสิ่งของที่เราต้องการ เพื่อเป็นการเสริมแรงทางบวก (Positive Reinforcement) ให้เรามีกำลังใจในการทำสิ่งต่าง ๆ ได้ตามเป้าหมาย เกิดแรงจูงใจที่จะพิชิตภารกิจอื่น ๆ ของเราต่อไป ถึงแม้จะมีอุปสรรคบ้าง ขี้เกียจบ้าง แต่ถ้าของรางวัลที่เราตั้งไว้ให้ตัวเองน่าสนใจมากพอ เชื่อเถอะค่ะว่าเราจะมีแรงอึด ฮึด สู้ ฟันฝ่าอุปสรรคจนสำเร็จได้ในที่สุด

6. จัดสภาพแวดล้อมในการทำสิ่งต่าง ๆ ให้เหมาะสม
เทคนิคจิตวิทยาในการแก้ความขี้เกียจที่นำมาฝากกันในบทความนี้ ก็คือ การจัดสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อการทำภารกิจ (Working Conditions) ของเราให้สำเร็จค่ะ ไม่ว่าจะเป็น แสง สี เสียง อุณหภูมิ การระบายอากาศ กลิ่น บรรยากาศ ความปลอดภัย รวมไปถึงอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่าง ๆ ต้องเอื้อให้เราพร้อมที่จะทำงาน หรือทำสิ่งต่าง ๆ ที่เราตั้งใจเอาไว้ นอกจากนี้แล้วผู้คนในสถานที่นั้น ๆ ก็ต้องให้ความร่วมมือในการทำงาน หรือภารกิจของเราด้วย ดังนั้นการจัดเตรียมสถานที่ อุปกรณ์ และการสร้างความเข้าใจให้แก่ผู้คนในสถานที่จึงเป็นอีกเรื่องที่สำคัญในการแก้ความขี้เกียจค่ะ

“ความขี้เกียจ” เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาจากจิตใต้สำนึกของเรา ที่อาจเกิดจากความเครียด ความเบื่อ การขาดพลังใจ ดังนั้นวิธีแก้ที่ดีที่สุด ก็คือ การจัดการที่ต้นเหตุ โดยการเพิ่มแรงจูงใจด้วย 6 เทคนิคข้างต้นที่นำมาฝากกัน นำไปใช้แล้วผลเป็นอย่างไร อย่าลืมมาเล่าให้กันฟังบ้างนะคะ



ผู้ตั้งกระทู้ POPCORN (popc9251-at-gmail-dot-com) :: วันที่ลงประกาศ 2023-12-21 05:21:03


แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น *
ผู้แสดงความคิดเห็น  *
อีเมล 
ไม่ต้องการให้แสดงอีเมล